บ้านจัดสรร
ข้อเท็จจริง ตามที่ผู้ร้องได้เคยขอรับคำปรึกษาทางกฎหมายจากศูนย์ฯแล้ว ผู้ร้องยังมีความสงสัยในเรื่องที่ว่าถนนหน้ากว้าง 12 เมตรจากเดิมตอนแรกโครงการได้บอกว่าเป็นภาระจำยอมกับนายก อบต. แต่ในบันทึกถ้อยคำเรื่องภาระจำยอมถนนฝั่งติดโครงการอีก 6 เมตร ก็อยู่ภาระจำยอมเช่นกัน ผู้ร้องได้สอบถามกับนายก อบต. ซึ่งได้รับคำตอบจากนายก อบต. ว่า ได้ขายให้โครงการแล้วแต่ไม่ทราบว่าทำไมยังมีชื่อตนเป็นเจ้าของภารยทรัพย์อยู่ และให้ผู้ร้องถามโครงการว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พอผู้ร้องได้สอบถาม โครงการก็ประวิงเวลาไม่ยอมตอบจากวันที่ส่งหนังสือทวงถามไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน ซึ่งผ่านไปแล้ว 3 เดือน โครงการก็อ้างว่า กำลังเตรียมเอกสารเพื่อชี้แจง (ไม่นับรวมถึงการทำหนังสือทวงถามครั้งที่ 2 และผู้ร้องโทรสอบถามติดตามเรื่องอีก 5 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาผู้ร้องก็ไม่ได้รับคำตอบ) และนอกจากเรื่องถนนสายหลักของโครงการมีเรื่องโครงการไม่ทำตามแผนผังที่แจ้งกับจัดสรรที่ดินจังหวัด เช่น นำที่ดินที่แจ้งว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคลและสวนสาธารณะไปสร้างบ้านขายแทน เป็นต้น และมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ว่า เจ้าของโครงการเป็นภรรยาของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดโดยตำแหน่งและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลผู้เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ในเรื่องถนน คสล. หน้ากว้าง 12 เมตร ยาว 1 กิโลเมตร และเป็นทั้งหุ้นส่วนและกรรมการโครงการด้วย ผู้ร้องจึงขอปรึกษาว่าตนและสมาชิกโครงการจะสามารถดำเนินการและและติดต่อกับหน่วยงานใดนอกเหนือจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเนื่องจากผู้ร้องกลัวว่าจะถูกแทรกแซงจากนักการเมืองท้องถิ่น
ประเด็นคำถาม
ผู้ร้องจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรตามกฎหมายที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
ข้อกฎหมาย
พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 8 และมาตรา 14
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 44, มาตรา 45, มาตรา 46, มาตรา 47 และมาตรา 48
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1) และมาตรา 42
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 มาตรา 13
การดำเนินการให้คำปรึกษา
จากกรณีดังกล่าวขอเรียนให้คำปรึกษาตามข้อเท็จจริงว่า การที่ผู้ร้องได้ติดตามทวงถามกับโครงการเกี่ยวกับเรื่องถนนสายหลักของโครงการไม่ทำตามแผนผังที่แจ้งกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดและกลัวว่าเรื่องดังกล่าวนี้จะถูกแทรกแซงจากนักการเมืองท้องถิ่นที่ว่า เจ้าของโครงการเป็นภริยาของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลผู้เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ในเรื่องถนน คสล. และเป็นทั้งหุ้นส่วนและกรรมการโครงการอีกด้วยนั้น เห็นว่า ในกรณีดังกล่าวผู้ร้องและสมาชิกโครงการสามารถดำเนินการเพื่อที่จะขอรับความเป็นธรรม ดังนี้
1.ผู้ร้องและสมาชิกโครงการควรที่จะรอผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดก่อนที่คณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 8 และมาตรา 14 หากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ออกมาแล้วผู้ร้องและสมาชิกโครงการไม่เห็นด้วย ผู้ร้องและสมาชิกโครงการก็ย่อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 44, มาตรา 45, มาตรา 46, มาตรา 47 และมาตรา 48และนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลปกครองเพื่อขออำนาจและบารมีศาลบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1) และมาตรา 42
2.หากผู้ร้องและสมาชิกโครงการเห็นว่า ในกรณีมีว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องและสมาชิกโครงการก็ย่อมที่จะนำเรื่องไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รับเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่เพื่อที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 มาตรา 13