ความรับผิดทางละเมิด
ข้อเท็จจริง
ดิฉันมีเรื่องเดือดร้อนใจเป็นอย่างมากดังนี้ค่ะ
ดิฉันทำงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง และเมื่อวันที่ 5 – 17 ตุลาคม 2551 และลูกค้าได้ทำการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตซึ่งอ้างว่าเป็นบัตรเครดิตของ เอเย่นต์ที่ต้องชำระเงินค่าห้องพักให้ ทางดิฉันก็เลยได้ทำการชาร์จเงินผ่านบัตรเครดิตนั้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2551 เป็นจำนวนเงิน 270,000 บาท และทางบัญชีก็ตัดส่งไปยังธนาคารในวันถัดมา
แต่เมื่อวันที่ 13 พฤษจิกายน 2551 ที่ผ่านมา (เป็นเวลา โดยประมาณ 1 เดือนกว่า) ทางโรงแรมได้รับแจ้งจากทางธนาคารว่าทางเจ้าของบัตรเครดิตปฎิเสธการจ่ายจำนวน เงินดังกล่าว และทางดิฉันได้ทำการทำการติดต่อลูกค้าทางอีเมลล์และได้รับการยืนยันกลับจาก ลูกค้าว่าไดทำการคุยกับเอเย่นต์เรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา (เป็นเวลา โดยประมาณ 20 วัน) ทางโรงแรมได้รับแจ้งจากทางธนาคารว่าทางเจ้าของบัตรเครดิตปฎิเสธการจ่ายจำนวน เงินดังกล่าว และทางดิฉันได้ทำการติดต่อลูกค้าทางอีเมลล์และลูกค้ายืนยันว่าจะคุยกับ เอเย่นต์แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลเพื่อให้ทางโรงแรมติดต่อเอเย่นต์เอง และตอนนี้ลูกค้าก็ขาดการติดต่อไปเลย
ทางโรงแรมให้ดิฉันรับผิดชอบจำนวนเงินข้างต้น แต่ดิฉันได้อ่านเจอในกฏหมายที่เกี่ยวข้องแต่ไม่เข้าใจอย่างละเอียดว่า ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหาย เพราะธนาคารต้องจ่ายเงินทดรองให้เเก่ร้านค้าต่างๆที่รับบัตรเครดิตปลอมนั้น โดยที่ธนาคารไม่มีสิทธิหักเงินหรือไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินเเละค่าธรรมเนียม จากลูกค้าที่เป็นเจ้าของบัตรดัวจริงเพราะลูกค้าไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรปลอม ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายโดยตรงในความผืดฐานปลอม&ใช้
....ดังนั้นธนาคารหรือพนักงานเป็นผู้รับผิดชอบ.....
กรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยนะคะ เพราะทางโรงแรมให้ดิฉันชำระภายในวันที่ 12 ธันวาคม 2551
ประเด็นคำถาม
1. การทำละเมิดมีลักษณะอย่างไร
2. ความประมาทเลินเล่ออันเป็นมูลเหตุให้ผู้กระทำต้องรับผิดในทางละเมิด มีหลักการพิจารณาอย่างไร
3. ผู้ถามหรือธนาคารต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น
จากข้อเท็จจริงที่ท่านได้ให้มา ประเด็นที่สำคัญคือ ท่านมีหน้าที่ต้องชำระเงินที่ธนาคารปฏิเสธชำระแก่โรงแรมหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องอธิบายตามหลักกฎหมายเรื่องหนี้ กล่าวคือ การที่บุคคลใดจะอ้างมูลเหตุตามกฎหมายเรียกให้ผู้อื่นชำระหนี้ใด ๆ บุคคลนั้นต้องมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามกฎหมายเสียก่อน ตามบทบัญญัติ ม. 194 ป.พ.พ. ในกรณีของท่านนั้น เมื่อทางโรงแรมมีความประสงค์จะให้ท่านชำระเงินค่าเสียหายจากการที่ไม่สามารถรับชำระหนี้บัตรเครดิตเป็นจำนวนเงินประมาณ 270,000 บาท การเรียกให้ท่านชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้โรงแรมก็ต้องเป็นเจ้าหนี้ในจำนวนเงินดังกล่าว โดยมีท่านอยู่ในฐานะลูกหนี้
มูลที่จะทำให้บุคคลใดมีฐานะเป็นลูกหนี้โดยหลักมีอยู่ 2 มูลด้วยกัน คือ มูลเหตุตามสัญญา (นิติกรรม) และมูลเหตุตามเหตุละเมิด (นิติเหตุ) เมื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่คุณวันทนาได้ให้รายละเอียดมานั้น ไม่ปรากฏว่าจะมีมูลตามสัญญาใดบังคับให้ท่านต้องรับผิดในการที่ทางโรงแรมไม่สามารถรับชำระเงินจากการชำระด้วยบัตรเครดิตแต่อย่างใด ในส่วนมูลละเมิดนั้นเป็นเหตุที่น่าจะเป็นข้ออ้างของทางโรงแรมในการเรียกให้ท่านต้องชำระหนี้เงินจำนวนดังกล่าว
ในการตกเป็นลูกหนี้ในมูลละเมิด ผู้เป็นลูกหนี้ต้องกระทำละเมิดต่อผู้เสียหาย ในกรณีนี้โรงแรมคือผู้เสียหายจากการไม่ได้รับชำระเงินเป็นจำนวนประมาณ 270,000 บาท โดยมีข้อเท็จจริงที่สรุปได้ว่ามีท่านเป็นผู้ดำเนินการชาร์จเงินจากบัตรเครดิตที่ถูกปฏิเสธการชำระเงิน การที่จะทำให้ท่านตกเป็นผู้กระทำละเมิดได้ก็ต้องเป็นกรณีที่ท่านได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อในการดำเนินการชาร์จเงินจนเป็นเหตุให้ทางโรงแรมถูกปฏิเสธชำระหนี้เงินดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูข้อเท็จจริงว่าในขั้นตอนการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของโรงแรมนั้นมีมาตรฐานเพื่อป้องกันการรับชำระจากบัตรเครดิตปลอมอย่างไร เช่น ตรวจสอบลายมือชื่อผู้ลงนามใน slip บัตรเครดิต เป็นต้น และท่านได้ปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานนั้นหรือไม่ หากมีมาตรฐานเช่นนั้นแต่ท่านมิได้ปฏิบัติตาม ก็อาจถือได้ว่าท่านได้อยู่ในภาวะที่ควรมีความระมัดระวังในการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเพื่อป้องกันกรณีบัตรเครดิตปลอม แต่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังนั้น กรณีเช่นนี้เราเรียกว่ามีความประมาทเลินเล่อ
แต่ในเมื่อ”ไม่”ปรากฏในข้อเท็จจริงว่าทางโรงแรมมีมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้างที่ต้องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตอย่างไร ทางศูนย์นิติศาสตร์จึงสันนิษฐานว่าท่านไม่ได้จงใจรับชำระบัตรเครดิตโดยรู้อยู่ว่าหากรับชำระบัตรดังกล่าวแล้วธนาคารจะปฏิเสธการชำระเงิน หรือไม่ได้ประมาทเลินเล่อรับชำระบัตรเครดิตดังกล่าวทั้งที่โดยปกติถ้าใช้ความระมัดระวังก็จะรู้ว่าการรับชำระบัตรเครดิตในกรณีดังกล่าวจะทำให้ธนาคารปฏิเสธการชำระเงิน แต่ก็ยังรับชำระต่อไป จากข้อเท็จจริงเหล่านี้จึงสรุปอย่างสังเขปได้ว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่แสดงว่าท่านได้กระทำการใดที่เป็นเหตุละเมิดต่อโรงแรมเลย
เมื่อปรากฏตามข้อเท็จจริงเท่าที่ท่านได้ให้รายละเอียดมาประกอบข้อสันนิษฐานของศูนย์นิติศาสตร์ได้ตั้งไว้ พบว่าไม่มีทั้งมูลเหตุตามสัญญา หรือมูลเหตุในทางละเมิด ในแง่ของกฎหมายแล้วท่านจึงไม่ตกเป็นลูกหนี้ของโรงแรมในหนี้เงินประมาณ 270,000 บาทดังกล่าว การที่โรงแรมเรียกร้องให้ท่านต้องชำระเงินดังกล่าวจึงเป็นการเรียกร้องที่ไม่มีเหตุตามกฎหมายรองรับแต่อย่างใด ดังนั้นการดำเนินการของโรงแรมที่พยายามจะให้ท่านชำระเงินจำนวนดังกล่าวจึงน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของทางโรงแรมเอง ทั้งนี้เพื่อความถูกต้องในการที่จะให้คำแนะนำ ท่านควรบอกเล่ารายละเอียดในวันที่รับรูดบัตรเครดิตที่มีปัญหามาโดยละเอียด และบอกเล่าถึงมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ควรมีในการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจากลูกค้ามาให้ศูนย์นิติศาสตร์ โดยการถามเพิ่มเติมตามช่องทางที่ปรากฏใน e-mail ที่ส่งกลับไปให้ท่าน
แต่หากท่านมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าได้ใช้ความระมัดระวังอย่างดีที่สุดแล้วตามมาตรฐานปกติในการป้องกันมิให้มีการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตปลอม ท่านสมควรดำเนินการโต้แย้งด้วยเหตุผลให้ทางโรงแรมเข้าใจถึงผลทางกฎหมายในการกระทำของท่านว่าท่านไม่ได้มีสัญญาใด ๆ ผูกมัดให้ต้องชำระเงินแทนผู้ก่อความเสียหายที่แท้จริง (ลูกค้า) และการปฏิบัติหน้าที่ของท่านเองก็กระทำไปอย่างสุดความสามารถทั้งในช่วงของการรับชำระบัตรเครดิตและช่วงของการดำเนินการติดตามทวงเงินที่ลูกค้าต้องชำระ มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อให้ทางโรงแรมได้รับความเสียหาย แม้ต่อมาโรงแรมประสงค์จะดำเนินการทางกฎหมายถึงขั้นฟ้องร้องท่านก็ตาม ท้ายที่สุดศาลก็คงต้องยกฟ้องในคดีดังกล่าว การดำเนินตามกฎหมายที่ถูกต้องนั้นทางโรงแรมสมควรที่จะดำเนินการเรียกชำระหนี้เงินดังกล่าวจากลูกหนี้ที่แท้จริง ทั้งนี้หากท่านและโรงแรมมีความสัมพันธ์กันตามสัญญาจ้างแรงงานแล้ว การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างลดน้อยถอยลง ดังนั้นการโต้แย้งของท่านเองก็สมควรชั่งน้ำหนักว่าสมควรโต้แย้งอย่างไรให้สุภาพ และไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเกินสมควร หากนายจ้างไม่พอใจการดำเนินการดังกล่าวและใช้เหตุดังกล่าวในการเลิกจ้าง ก็เป็นการเลิกจ้างที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรตามกฎหมาย การเลิกจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ท่านสามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานในท้องที่ได้
สำหรับคำถามที่ท่านถามว่าธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่นั้น ไม่เป็นประเด็นในการวินิจฉัยความรับผิดของท่านต่อโรงแรม