พรากผู้เยาว์
ข้อเท็จจริง
ผู้ร้องอายุ 21 ปี ได้รู้จักกับฝ่ายหญิงอายุ 16 ปี คบกันและมีเพศสัมพันธ์กัน 1 ครั้งด้วยความเต็มใจ โดยฝ่ายหญิงบอกขออนุญาตผู้ปกครองแล้ว แต่ทราบภายหลังว่าฝ่ายหญิงไม่ได้ขออนุญาตแต่อย่างใด จากนั้นทางบ้านของฝ่ายหญิงกล่าวหาผู้ร้องว่าใน 1 อาทิตย์ฝ่ายหญิงจะหายไป 1 วัน ซึ่งผู้ร้องทราบภายหลังว่าฝ่ายหญิงได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน จากนั้น ทางบ้านของฝ่ายหญิงก็บอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์
ประเด็นคำถาม
ผู้ร้องถามว่าผู้ร้องจะผิดข้อหาพรากผู้เยาว์หรือไม่
ข้อกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
“ ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 บาทถึง 20,000 บาท “
การดำเนินการให้คำปรึกษา
ในกรณีความผิดในข้อหาพรากผู้เยาว์นั้น ต้องดูว่าผู้ร้องมีเจตนาตั้งแต่แรกหรือไม่ กล่าวคือ ผู้ร้องทราบข้อเท็จจริงว่าฝายหญิงอายุ 16 ปี ตั้งแต่แรก และพาไปมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งฝ่ายหญิงจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือว่าผู้ร้องได้พรากผู้เยาว์ไปจากผู้ปกครองหรือบิดามารดาแล้ว ย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาของฝ่ายหญิง เพราะเข้าองค์ประกอบความผิดดังกล่าวแล้ว ส่วนจะอ้างว่าฝ่ายหญิงได้ขออนุญาตผู้ปกครองหรือบิดามารดาแล้วนั้น คงไม่ได้หมายความว่าบิดามารดาหรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิงจะให้ความยินยอมให้ลูกสาวของตนไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ร้อง เพียงแต่มีเจตนาอนุญาตให้ไปพบกันเท่านั้นเอง ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศกับฝ่ายหญิงที่มีอายุ 16 ปี โดยฝ่ายหญิงจะยินยอม ผู้ร้องก็ยังมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ข้างต้น