ยักยอกทรัพย์
ข้อเท็จจริง
เมื่อประมาณปลายปี 2556 ผู้ร้องเคยฝากเงินจำนวน 30,000 บาท ให้คนรู้จักเพื่อซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ ไอโฟน 5s ที่ประเทศสิงคโปร์ เวลาผ่านมาประมาณ 1 ปี แล้ว ผู้ร้องพยายามติดต่อกับบุคคลดังกล่าว เขาบอกว่าให้รอก่อน เขาจะฝากคนอื่นไปซื้ออีกที จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับของเลย ผู้ร้องต้องการขอเงินคืน เขาก็ผลัดมาเรื่อยๆ
ประเด็นคำถาม
สามารถแจ้งความ หรือดำเนินคดีได้หรือไม่
ข้อกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
การดำเนินการให้คำปรึกษา
ตามปกติการฝากเงินนั้น ผู้รับฝากมีสิทธิเอาเงินนั้นไปใช้ได้ แต่จะต้องส่งคืนเต็มจำนวน ถ้าผู้รับฝากเอาเงินนั้นไปใช้เสียหมดแล้วไม่มีคืนให้ ไม่ผิดฐานยักยอก เว้นแต่ผู้รับฝากจะปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากเงินนั้นไว้จึงจะถือว่ามีเจตนาทุจริตเป็นความผิดฐานยักยอก ส่วนกรณีมอบเงินให้ไปเพื่อการอื่น เช่น การมอบเงินให้ไปชำระหนี้แทน หรือให้ไปซื้อของมาให้ ถ้าผู้รับฝากเบียดบังเอาไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานยักยอก ตามข้อเท็จจริงและประเด็นคำถามดังกล่าวข้างต้น การที่ผู้ร้องฝากเงินจำนวน 30,000 บาท ให้คนรู้จักเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือที่ต่างประเทศ ถือว่าผู้ร้องได้มอบการครอบครองเงินให้แก่บุคคลดังกล่าวแล้ว คนที่รับฝากย่อมมีหน้าที่ตามสัญญาต้องซื้อของมาให้ผู้ร้อง ต่อมาเมื่อบุคคลที่รับฝากไม่ซื้อของมาให้ผู้ร้องตามสัญญา และผู้ร้องได้ขอเงินคืนจากผู้รับฝากแล้ว แต่ผู้รับฝากก็ไม่ยอมคืนเงินโดยพูดผัดผ่อนเรื่อยมา ดังนี้ถือว่าผู้รับฝากมีเจตนาทุจริตคิดเบียดบังเงินดังกล่าวเป็นของตน ย่อมมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์แล้ว ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3746/2542 ผู้ร้องสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวได้ภายในอายุความร้องทุกข์ คือ ภายใน 3 เดือน นับแต่ผู้ร้องรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด