หลอกให้ปรับปรุงห้องเช่า
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ได้ติดต่อผู้เช่าให้มาดูบ้าน เมื่อดูเสร็จผู้เช่าต้องการเช่าทันที แต่ขณะนั้นสัญญายังไม่พร้อม ผู้เช่าจึงสั่งจ่ายเช็คในนามนิติบุคคล ลงวันที่ล่วงหน้า 2 ฉบับ ในฉบับแรกมีลักษณะขีดคร่อมที่หัวเช็คระบุ “จ่ายเงินสด” และไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ จำนวน 10,000 บาท ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2560 และฉบับที่ 2 จำนวน 20,000 บาท ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 โดยตกลงว่าจะทำสัญญาเช่าในอาทิตย์ถัดไป แล้วผู้ให้เช่าจึงได้มอบกุญแจบ้านแก่ผู้เช่า
- ในวันถัดมา คือวันที่ 2 ตุลาคม 2560 ผู้เช่าอ้างว่าในบ้านมีเห็บ หมัด เป็นจำนวนมาก จึงได้ว่าจ้างคนมาฉีดยาฆ่าเห็บ หมัด เป็นจำนวนเงิน 3,500 บาท ให้ผู้ให้เช่าโอนเงินมาให้ด้วย ผู้ให้เช่าเห็นว่าเป็นเหตุที่มาจากผู้เช่าคนก่อนที่นำสุนัขเข้ามาเลี้ยงจริง จึงโอนเงินไปให้
- ต่อมาผู้เช่าติดต่อมาบอกว่าไฟเพดานในบ้านมีลักษณะเก่า ไม่สวยงาม และเสี่ยงต่อการถูกไฟดูด หรือไฟช็อต อาจถึงตายได้ ผู้เช่าได้เสนอว่าตึกเก่าที่เขาประกาศขายมีโคมไฟเพดานสวยๆ อยู่ และส่งภาพให้ผู้ให้เช่าดูทางไลน์ อยากจะยกให้ผู้ให้เช่า แต่ผู้ให้เช่าจะต้องจ่ายเงินค่าถอดและขนย้ายจุดละ 600 บาท ทั้ง 12 จุด เป็นเงิน 7,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าตกลงและได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปให้
- ต่อมาผู้เช่าระบุว่าเห็บ หมัดมีจำนวนมากจนผู้รับจ้างฉีดยาฯ ทำงานไม่สำเร็จจะขอคืนเงินให้ ให้ผู้ให้เช่าส่งเลขบัญชี แล้วจะโอนเงินคืน แต่ผู้ให้เช่าก็ไม่ได้รับเงินดังกล่าวคืนแต่อย่างใด โดยผู้เช่าแจ้งเพิ่มว่าในบ้านเช่ามีปลวกกำลังกัดกินตู้เสื้อผ้าบิ้วท์อิน ต้องกำจัดปลวก โดยไม่ขอใช้บริการจากบุคคลของผู้ให้เช่า เนื่องจากเขาได้ว่าจ้างคนรับกำจัดเห็บ หมัดเดิมมากำจัดปลวกแล้วมีค่าใช้จ่าย7,000 บาท และได้แจ้งให้ผู้เช่าโอนเงินไปเพิ่มอีก 3,500 บาท เพื่อทำสัญญากำจัดปลวก เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งไม่ทราบว่าหลังจากการดำเนินการครั้งแรกแล้วมีการดำเนินการต่อหรือไม่
- ต่อมาระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2560 ผู้เช่าทำที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย บอกผู้ให้เช่าว่า ประตูเข้าบ้านมี 3 ทางไม่ดี ออฟฟิศที่ตนขายไปนั้นมีกระจกที่ถอดออกมา และรู้จักผู้รับเหมาจะดำเนินการให้ในราคา 30,000 บาท ผู้ให้เช่าเห็นว่าประตูเก่าไม่ค่อยดีแล้วจึงตกลงโอนเงินวางมัดจำไปให้จำนวน 15,000 บาท หลังจากนั้นผู้เช่าได้โทรมาแจ้งว่ามีความเข้าใจผิดเรื่องประตู เมื่อผู้ให้เช่าดูแบบเห็นว่าไม่สวยจึงไม่ตกลงด้วย วันที่ 10 ตุลาคม 2560 ผู้เช่าจึงไปซื้อประตูใหม่ราคา 40,000 บาท ทำให้ราคารวมการทำประตูทั้งหมดกลายเป็น 60,000 บาท อย่างไรก็ตามผู้ให้เช่าไม่ได้จ่ายเงินเพิ่มเติมในส่วนนี้เนื่องจากตรวจสอบพบว่าสถานะการเงินผู้เช่ากำลังมีปัญหา
- และเมื่อนำเช็คฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2560 ไปขึ้นเงิน ธนาคารได้ตีคืนกลับมาแล้วแจ้งว่าบัญชีปิดไปแล้ว แต่ผู้ให้เช่ายังไม่ได้นำเช็คอีกฉบับไปขึ้นเงินเพราะคาดว่าคงขึ้นเงินไม่ได้เช่นกัน แน่นอน
ทั้งนี้ผู้ให้เช่าได้แจ้งให้ผู้เช่าย้ายออกในภายวันที่ 31 ตุลาคม 2560
ประเด็นคำถาม
- สามารถเอาผิดผู้เช่าได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากไม่มีสัญญาเช่า แต่ได้รับเช็คมา 2 ฉบับเป็นหลักประกันในการขอเข้าอยู่
- ผู้ให้เช่าจะสามารถเรียกร้องเงินที่ถูกหลอกไปได้หรือไม่ เพราะผู้เช่าอ้างว่าได้โอนเงินทั้งหมดให้กับบุคคลที่รับผิดชอบงานนั้นๆ ไปแล้ว ส่วนที่เป็นค่าทำไฟผู้ให้เช่าโอนตรงไปที่บัญชีของบุคคลที่ 3 นั้นจะโอนคืนต้องคุยกับบุคคลเหล่านั้นก่อน ซึ่งผู้เช่าไม่เคยนำหลักฐานการโอนมาแสดงให้เห็นเลย
การให้คำปรึกษา
- กรณีของผู้ร้องนั้นเป็นการให้เช่าโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะไม่สามาถนำมาฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้เช่าได้ อย่างไรก็ตาม “หลักฐานเป็นหนังสือ” นี้หมายถึง เอกสารที่มีข้อความแสดงว่าได้ทำนิติกรรมไว้ จะเป็นใบเสร็จ หรือการเขียนข้อความลงบนเศษกระดาษก็ได้ เพียงแต่สาระสำคัญของนิติกรรมดังกล่าวต้องครบถ้วน คือ หากเป็นสัญญาเช่าดังกรณีของผู้ร้องต้องมีข้อความแสดงให้เห็นว่ามีการเช่าเกิดขึ้น พอที่จะยันผู้ให้เช่า หรือผู้เช่าได้ และมีการลงรายมือชื่อฝ่ายที่รับผิดไว้ โดยหลักฐานเป็นหนังสือนี้จะทำก่อนหรือหลังการเช่าก็ได้
สำหรับเช็คที่ผู้ร้องอ้างถึงทั้ง 2 ฉบับ เมื่อตรวจดูรายละเอียดตามที่ระบุแล้วไม่พบว่ามีสาระสำคัญครบถ้วนพอที่จะเป็นหลักฐานเป็นหนังสือได้ คือ ไม่มีข้อความใดที่บ่งบอกการสั่งจ่ายเพื่อการเช่าในเช็ค กรณีเช่นนี้จึงไม่สามารถจะใช้เช็คในฐานะที่เป็นหลักฐานเป็นหนังสือ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เช่าในเรื่องการผิดสัญญาเช่าได้
อย่างไรก็ตามผู้ร้องยังสามารดำเนินคดีกับผู้เช่าได้ในเรื่องของตั๋วเงิน ซึ่งก็คือ “เช็ค” ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยการฟ้องร้องคดีเช็คในกรณีผู้ทรงเช็ค หรือผู้เสียหายได้รับเช็คมาแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยสามารถดำเนินคดีทางแพ่งในความผิดฐานตั๋วเงิน ซึ่งต้องดำเนินคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็ค แต่การดำเนินคดีทางอาญา ตาม พ.ร.บ.เช็ค นั้นขาดอายุความไปแล้ว เนื่องจากต้องดำเนินการภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
- สำหรับกรณีที่ผู้ร้องระบุว่าถูกหลอกให้จ่ายเงินค่ากำจัดเห็บ หมัด กำจัดปลวก ค่าเปลี่ยนประตู และค่าทำไฟนั้น เป็นกรณีของการบำรุงรักษาทรัพย์ที่ให้เช่า อันเป็นหน้าที่ที่ของผู้เช่า และผู้ให้เช่า ซึ่งในส่วนของการบำรุงรักษาเล็กน้อย หรือการซ่อมบำรุงตามปกตินั้นเป็นหน้าที่ของผู้เช่าที่จะรักษาทรัพย์ที่ให้เช่าให้คงอยู่ในสภาพเรียบร้อย ในส่วนการบำรุงรักษาใหญ่นั้นเป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่า ซึ่งจะต้องส่งมอบทรัพย์ที่ให้เช่าในสภาพที่ดีแก่ผู้เช่า
ในกรณีที่ผู้เช่าต้องเสียค่าใช้จ่ายไปตามความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าจำเป็นต้องชดใช้แก่เงินคืนแก่ผู้เช่า กรณีผู้ร้องบ้านเช่าดังกล่าวมีเห็บ หมัด และปลวกจริง ซึ่งมีมาก่อนที่ผู้เช่าจะย้ายมาอยู่กรณีเช่นนี้เป็นหน้าที่โดยปกติของผู้ให้เช่าในการดูแลและซ่อมบำรุง ผู้ร้องจ่ายเงินในส่วนนี้ผู้เช่ารับไปเป็นการชอบแล้ว
อย่างไรก็ตามหากผู้ร้องเห็นว่าการดำเนินการทำสัญญาจ้างผู้มากำจัดเห็บ หมัด หรือกำจัดปลวกนั้นไม่มีการดำเนินการเกิดขึ้นจริง และกรณีการทำประตู และทำไฟใหม่ ที่ผู้ร้องยืนว่า การจ่ายเงินดังกล่าวมาจากการถูกหลอกการจะเอาผิดผู้เช่าในฐานะฉ้อโกงในทางอาญานั้นไม่อาจดำเนินการได้แล้ว เนื่องจากขาดอายุความ โดยความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดต่อส่วนตัว เป็นคดีที่ยอมความได้ ต้องแจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ทราบว่าถูกโกง
โดยสรุปแล้วผู้ร้องสามารถดำเนินคดีกับผู้เช่าดังกล่าวในคดีแพ่ง ความผิดฐานตั๋วเงินเท่านั้น
ข้อกฎหมาย
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538, 547, 563 และ 1001
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
- พระราชบัญญัติเช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4